CONTENT VIEW

ภูมิแพ้รักษาได้


“หลักการทั่วไปของการดูแลผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ คือ การควบคุมสิ่งแวดล้อม การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้  และการรักษาด้วยยา การวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องแม่นยำของแพทย์ผู้รักษาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่มีส่วนทำให้รักษาโรคได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ”

 

         ใครๆ ก็ชอบบอกว่า “โรคภูมิแพ้รักษาไม่หาย” เป็นแล้วเป็นอีก เรื้อรังไปตั้งแต่เด็กจนโต ซึ่งหมอก็คงต้องยอมรับค่ะว่าโรคภูมิแพ้เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย เพียงแต่ต้องหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และคุมอาการของโรคไม่ให้กำเริบจนรบกวนการดำเนินชีวิตหรือส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเรา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโรคภูมิแพ้จะเป็นโรคเรื้อรังแต่ยังมีโรคภูมิแพ้บางประเภทที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งหมอจะอธิบายให้เข้าใจต่อไปค่ะ

          หลักการทั่วไปของการดูแลผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ คือ การควบคุมสิ่งแวดล้อม การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้  และการรักษาด้วยยา การวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องแม่นยำของแพทย์ผู้รักษาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่มีส่วนทำให้รักษาโรคได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ  การซักประวัติอย่างละเอียดรอบด้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในการรักษาเด็กเล็ก พ่อแม่ผู้ปกครองจะมีส่วนร่วมในการรักษาเป็นอย่างมาก เพราะหมอต้องซักถามอาการคนไข้อย่างละเอียดเพื่อให้รู้สาเหตุหรือต้นตอของปัญหาที่แท้จริงให้ได้ตรงที่สุด เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสมที่สุดแก่ผู้ป่วย  นอกจากนี้การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังยังเป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าเชื่อถือและจะช่วยบอกสาเหตุที่แน่นอนของอาการแพ้  ต่อไปหมอจะขอกล่าวถึงภาพรวมของกระบวนการรักษาของหมอว่ามีองค์ประกอบสำคัญอะไรบ้างที่จะทำให้ผู้ป่วยหายจากอาการของโรคภูมิแพ้

 

การให้การรักษาด้วยยา

          โดยทั่วไปการรักษาด้วยยาเป็นวิธีที่นิยมที่สุด เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีในการรักษา  หมอจะแบ่งการรักษาโรคภูมิแพ้ด้วยยาออกเป็น 3 ระดับ เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ค่ะ

          1.    ยาบรรเทาอาการ เช่น ยาแก้แพ้หรือต้านฮีสตามีน ยาขยายหลอดลม

          2.    ยาต้านการอักเสบ เช่น ยาสเตียรอยด์พ่นจมูกหรือสูดทางปาก

          3.    การใช้วัคซีนภูมิแพ้ เป็นการรักษาโดยการฉีดสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในร่างกาย โดยเริ่มจากปริมาณน้อยๆ และเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายเกิดความชินต่อสารก่อภูมิแพ้นั้น ซึ่งผู้ป่วยที่ควรรับการรักษาโดยวิธีฉีดวัคซีนภูมิแพ้คือ ผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาแล้วไม่ดีขึ้นหรือมีผลข้างเคียงจากยา  ซึ่งก่อนจะเลือกรักษาด้วยการฉีดวัคซีนนั้นหมอจำเป็นต้องทราบแน่นอนก่อนว่าผู้ป่วยแพ้อะไร เพื่อจะได้นำสารที่แพ้นั้นมาฉีด อย่างไรก็ตามการรักษาโดยวิธีนี้ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและผู้ป่วยต้องรับการรักษามาอย่างน้อย 3-5 ปี

 

การควบคุมสิ่งแวดล้อมและสารก่อภูมิแพ้

               จากสถิติผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ในประเทศไทยพบว่า คนส่วนใหญ่มักจะแพ้ไรฝุ่นและฝุ่นบ้านเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือแมลงสาบ ละอองเกสรพืช และขนสัตว์   ซึ่งหมอจะแนะนำคนไข้ให้ทำการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังทุกคน เพื่อให้ทราบสาเหตุของอาการแพ้ที่ชัดเจน  ผู้ป่วยจะได้หลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ถูกต้อง   และผลการทดสอบนี้ยังใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาทำการรักษาด้วยการฉีดวัคซีนอีกด้วย   ส่วนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่ไม่ได้รับการทดสอบผิวหนังหรือไม่สามารถทำการทดสอบได้ก็ควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อยตามที่กล่าวไปแล้ว

 

ภูมิแพ้บางอย่างรักษาได้ 

           ฉีดวัคซีนรักษาก็หายได้

           การฉีดวัคซีนนี้ไม่ใช่เพื่อป้องกันการแพ้  แต่หลักการของการฉีดวัคซีนคือ เราจะฉีดสารที่ผู้ป่วยแพ้เข้าไปในร่างกายเพื่อให้ร่างกายค่อยๆ สร้างภูมิคุ้มกันต่อสารที่แพ้นั้นเอง   การฉีดวัคซีนเราจะเริ่มฉีดจากปริมาณน้อยๆ ก่อนแล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้น โดยวิธีนี้ต้องฉีดต่อเนื่องเดือนละครั้งนาน 5 ปี จึงจะหายได้ค่ะ

 

            ฉีดหรือไม่ฉีดวัคซีนรักษาพิจารณาจากอะไร

            การฉีดวัคซีนเพื่อรักษาโรคภูมิแพ้นั้นไม่ใช่ว่าคนไข้ทุกคนจะฉีดได้  ดังนั้นหมอจึงมักจะแจ้งให้ผู้ป่วยหรือญาติทราบก่อนเสมอว่าในการฉีดวัคซีนนั้นเราต้องมีข้อบ่งชี้ที่แสดงว่าผู้ป่วยคนนั้นสมควรได้รับการรักษาโดยการฉีดวัคซีน เช่น ผู้ป่วยที่เป็นจมูกอักเสบจากภูมิแพ้หรือจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร่วมกับโรคหืด หรือแพ้แมลงบางประเภทอย่างรุนแรง เช่น แพ้ผึ้ง ต่อ แตน จนมีอาการช็อก ความดันตกหรือมีอาการแน่นหน้าอก หายใจหอบที่อาจทำให้เสียชีวิตได้

           ส่วนกรณีภูมิแพ้อื่นๆ ที่รักษาโดยการฉีดวัคซีนไม่ได้ คือ ผู้ป่วยที่แพ้อาหาร ผื่นแพ้ผิวหนัง...หรือผู้ป่วยโรคหืดที่มีอาการรุนแรงและไม่สามารถควบคุมอาการของโรคได้

           สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก่อนการวางแผนการรักษาคือ เราต้องทดสอบก่อนว่าคนไข้แพ้อะไร เพื่อจะได้ฉีดวัคซีนได้ถูกชนิดกับสารที่แพ้   อีกประการหนึ่งคือ เราสามารถใช้วัคซีนเพื่อการป้องกันกรณีผู้ป่วยแพ้อากาศที่เสี่ยงจะเป็นโรคหืดมากกว่าคนอื่นถึง  3 เท่า ถ้าคนไข้แพ้อากาศฉีดวัคซีนรักษานี้จะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหืดในอนาคตได้ โดยหลักการของวัคซีนรักษานี้ ถ้าฉีดตั้งแต่ยังไม่เป็นโรคก็จะสามารถป้องกันโรคได้ค่ะ

 

           วัคซีนแบบรับประทาน

           สำหรับวัคซีนชนิดรับประทานนั้นมีที่มาจากการรักษาด้วยวัคซีนแบบฉีดที่ต้องฉีดบ่อยและต่อเนื่องถึง 5 ปี ในผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่มักไม่มีปัญหาในเรื่องของการฉีดวัคซีน แต่พบปัญหาว่าถ้าเป็นกรณีเด็กเล็กๆ จะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่ จึงมีการพัฒนาวัคซีนเป็นแบบรับประทานขึ้นมา ซึ่งปัจจุบันที่อเมริกากับยุโรปเริ่มใช้กันแล้ว แต่ตอนนี้ในบ้านเรายังไม่มีใช้ คงต้องคอยดูกันต่อไปค่ะ

           แม้โรคภูมิแพ้จะมีทั้งชนิดที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และชนิดที่รักษาเพื่อบรรเทาอาการ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้รับการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพตั้งแต่ที่อาการของโรคไม่รุนแรง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและลดผลเสียต่อสุขภาพที่ตามมาจากโรค