CONTENT VIEW

การล้างจมูก


“การล้างจมูกจะช่วยชำระล้างน้ำมูก หนอง และสารที่ไม่ต้องการออกจากโพรงจมูก ช่วยลดจำนวนเชื้อโรค ของเสีย สารก่อภูมิแพ้ และสารที่เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสารกระตุ้นภูมิแพ้ออกมา ทำให้โพรงจมูกรู้สึกโล่ง หายใจสะดวกขึ้น”

 

            ในบทที่แล้วหมอได้พูดถึงเรื่องการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่น้ำเกลือทั่วๆ ไปหรือน้ำเกลือแร่ที่เราใช้บรรเทาอาการท้องเสีย ที่หมอพูดถึงน้ำเกลือในที่นี้คือน้ำเกลือนอร์มอลสำหรับใช้ล้างจมูกโดยเฉพาะ ปัจจุบันน้ำเกลือจะมีขายเป็นขวดสำเร็จรูปตามร้านขายยาหรือตามโรงพยาบาลทั่วไป และมีการพัฒนาถึงขั้นทำเป็นแบบผงใส่ซองเวลาจะใช้ก็ผสมน้ำสะอาด เหมาะในการพกพามากทีเดียวค่ะ แต่ถ้าไม่สามารถหาน้ำเกลือแบบขวดสำเร็จรูปหรือแบบซองได้เราก็สามารถทำน้ำเกลือใช้เองได้เหมือนกัน โดยทำเองได้ง่ายๆ และประหยัดเงินในกระเป๋าด้วยนะคะ

 

ประโยชน์มากมายแค่ล้างจมูก

            เมื่อเรามีน้ำมูกหรือทางการแพทย์เรียกว่าสารคัดหลั่งติดกรังอยู่ในโพรงจมูกจากอาการเป็นหวัด ภูมิแพ้ ไซนัส ทำให้หายใจไม่สะดวก ซึ่งการล้างจมูกจะช่วยชำระล้างน้ำมูก หนอง และสารที่ไม่ต้องการออกจากโพรงจมูก ช่วยลดจำนวนเชื้อโรค ของเสีย สารก่อภูมิแพ้ และสารที่เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสารกระตุ้นภูมิแพ้ออกมา ทำให้โพรงจมูกรู้สึกโล่ง หายใจสะดวกขึ้น หายจากอาการคัดจมูกมากขึ้น เพราะการล้างจมูกช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่เยื่อบุจมูก เป็นการบรรเทาอาการคัดแน่นจมูกทำให้หายใจโล่งขึ้นนั่นเองค่ะ  นอกจากนี้การล้างจมูกก่อนใช้ยาพ่นจมูกจะทำให้ยาพ่นจมูกมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วยนะคะ

 

ทำเองก็ได้ง่ายจัง

            อย่างที่หมอบอกไปแล้วว่าเราสามารถทำน้ำเกลือใช้เองได้ง่ายๆ และประหยัด โดยใช้น้ำต้มสุกหรือน้ำสะอาด ปริมาณ 500 ซีซีหรือครึ่งลิตร ใส่เกลือสะอาด ปริมาณ 1 ช้อนชา แล้วเขย่าผสมให้เข้ากัน  เมื่อจะใช้ ให้เทน้ำเกลือที่ผสมแล้วลงในแก้วน้ำสะอาด แล้วใช้ลูกยางแดงหรือกระบอกฉีดยาดูดน้ำเกลือที่ทำไว้ จากนั้นก็ล้างจมูกกันเลยค่ะ

 

สูตรน้ำเกลือล้างจมูก

1. น้ำต้มสุกหรือน้ำสะอาด ปริมาณ 500 ซีซีหรือครึ่งลิตร

2. เกลือสะอาด ปริมาณ 1 ช้อนชา

 

ล้างจมูกอย่างไรจึงถูกวิธี

            สำหรับผู้ใหญ่การล้างจมูกมักไม่ค่อยพบปัญหา แต่ในเด็กโดยเฉพาะเด็กเล็ก การล้างจมูกเป็นเรื่องของพ่อแม่ที่ต้องทำให้เด็ก เราพบว่าเด็กมักงอแงไม่ยอมให้พ่อแม่ล้างจมูกเพราะเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในจมูก บางครั้งถ้าพ่อแม่ทำผิดวิธีก็อาจทำให้เด็กสำลักและจดจำความรู้สึกที่ไม่ดีได้  หมอจึงอยากให้พ่อแม่เรียนรู้วิธีการล้างจมูกที่ถูกต้องเพื่อประสิทธิภาพในการรักษาและลูกก็จะไม่ปฏิเสธการล้างจมูกค่ะ

                

ควรล้างจมูกตอนไหน

             อย่างที่บอกไปแล้วว่าการล้างจมูกมีประโยชน์ในการช่วยลดปริมาณน้ำมูก หนอง สารก่อภูมิแพ้ และสิ่งสกปรกที่อยู่ในโพรงจมูก ทำให้ลดอาการคัดจมูก น้ำมูก เสมหะที่ไหลลงคอ ซึ่งเราควรการล้างจมูกก่อนพ่นยาในโพรงจมูก จะทำให้ยาสัมผัสกับเยื่อบุจมูกได้มากขึ้น และช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นค่ะ นอกจากนี้เราควรล้างจมูกก่อนหรือหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อป้องกันการอาเจียนหรือสำลัก

 

เคล็ดลับในการล้างจมูกให้ถูกวิธี

              ในคนไข้ที่มาหาหมอ หลายคนอาการไม่ดีขึ้นหลังจากล้างจมูกไปแล้ว  จากการสอบถามพบว่าบางรายก็              ล้างจมูกผิดวิธีบ้าง หรือไม่ก็ทำนอกเหนือจากขั้นตอนที่ควรจะเป็น  จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมล้างจมูกแล้วจมูกไม่โล่ง  สักที การล้างจมูกถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาอย่างหนึ่งที่ได้ผลดี  หมอจึงอยากให้คนไข้เรียนรู้วิธีการที่ถูกต้องรวมถึงเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

 

การเลือกน้ำเกลือเพื่อล้างจมูก

               ในการล้างจมูกเราควรใช้น้ำเกลือนอร์มอลที่มีความเข้มข้น 0.9% (0.9% NaCl) อาจจะเป็นน้ำเกลือที่แพทย์สั่งหรือซื้อตามร้ายขายยาทั่วไป  กรณีที่ต้องการทำน้ำเกลือเองก็สามารถทำได้โดยนำเกลือแกงหรือเกลือป่นที่ใช้ปรุงอาหารจำนวน 2 ช้อนชาผสมน้ำต้มสุกหนึ่งลิตร แล้วตั้งทิ้งไว้ให้อุ่นก่อนนำมาล้างจมูก สำหรับน้ำเกลือที่เตรียมเองควรใช้ภายในหนึ่งวันเท่านั้นนะคะ แต่ถ้าใช้ไม่หมดใน 1วันควรทิ้ง เพื่อป้องกันการเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรค

               ข้อควรระวังคือ ห้ามใช้น้ำก๊อก น้ำประปา หรือน้ำเกลือที่มีความเข้มข้นต่ำกว่าที่หมอแนะนำในการล้างจมูก เพราะอาจทำให้คัดจมูกเพิ่มขึ้นและติดเชื้อได้ง่ายค่ะ ส่วนการใช้น้ำเกลือที่เย็นเกินไปเพื่อล้างจมูกก็อาจทำให้เกิดการคัดจมูกหลังการล้างได้ ดังนั้นถ้าเก็บน้ำเกลือในห้องที่เย็นหรือช่วงอากาศหนาว เราควรอุ่นน้ำเกลือก่อนการล้างจมูกเสมอนะคะ ซึ่งวิธีการอุ่นน้ำเกลือง่ายๆ คือ นำแก้วที่ใส่น้ำเกลือแช่ลงในภาชนะที่มีน้ำต้มเดือด หรือนำไปอุ่นในไมโครเวฟประมาณ 10-15 วินาที และที่สำคัญก่อนจะนำน้ำเกลือที่อุ่นแล้วมาล้างจมูก ควรทดสอบกับหลังมือเสียก่อนเพื่อไม่ให้น้ำเกลือร้อนเกินไป โดยน้ำเกลือควรจะอุ่นในขนาดที่นำมาแตะกับหลังมือแล้วทนได้ เพื่อป้องกันอันตรายจากความร้อน

 

อุปกรณ์ในการล้างจมูก

                 มาดูอุปกรณ์ที่ใช้ในการล้างจมูกกันบ้าง โดยปกติเราจะใช้ลูกยางแดงหรือกระบอกฉีดยาที่แพทย์สั่งให้ในการล้างจมูก ซึ่งสำหรับเด็กใช้กระบอกฉีดยาขนาด 10-20 ซีซี ก็พอค่ะ ส่วนผู้ใหญ่ควรใช้ขนาด 20-50 ซีซี ส่วนในผู้ป่วยที่ไม่เคยล้างจมูกเลยอาจเริ่มจากดูดน้ำเกลือในปริมาณน้อยๆ ก่อน เช่น 10-15 ซีซี ในผู้ใหญ่ หรือประมาณ 5 ซีซี ในเด็ก แล้วหลังจากนั้นค่อยๆ เพิ่มปริมาณน้ำเกลือมากขึ้นจนเต็มกระบอกฉีดยา

วิธีการล้างจมูก

                 มาถึงขั้นตอนการล้างจมูกแล้ว ขั้นตอนนี้ถ้าทำได้อย่างถูกวิธีหลังทำก็จะรู้สึกโล่งจมูก หายใจสะดวกขึ้นนะคะ โดยหมอจะอธิบายเป็นข้อๆ ไปให้ดูง่าย…เริ่มกันเลยค่ะ

                 1. รินน้ำเกลือใส่ในแก้วหรือภาชนะที่เตรียมไว้

                 2. ผู้ที่จะล้างจมูกควรนั่งหรือยืนโน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับก้มหน้าเล็กน้อย โดยยืนอยู่เหนือภาชนะรองรับน้ำเกลือที่ไหลออกมาหลังจากที่ล้างแล้วซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ หรือยืนอยู่เหนืออ่างล้างหน้า

                 3. นำด้านปลายของลูกยางแดงหรือปลายกระบอกฉีดยาใส่เข้าไปในจมูกข้างที่จะล้างเล็กน้อย จากนั้นอ้าปากไว้ แล้วหายใจเข้าเต็มที่ และกลั้นหายใจไว้ ในกรณีผู้ป่วยเด็กที่กลั้นหายใจไม่เป็นให้พูดคำว่า “อา” ค้างไว้เพื่อไม่ให้สำลักน้ำค่ะ

                 4. บีบลูกยางแดงหรือดันกระบอกฉีดยาเบาๆ ให้น้ำเกลือไหลเข้าไปในจมูกช้าๆ ในจังหวะที่กำลังกลั้นหายใจอยู่ แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณน้ำเกลือมากขึ้น โดยน้ำเกลือที่ล้างจะไหลออกจากจมูกหรือไหลลงปากก็ได้ค่ะ ให้ล้างจมูกทั้งสองข้างสลับกันจนกระทั่งไม่มีน้ำมูกไหลออกมาหรือล้างจนรู้สึกจมูกโล่ง

                 แล้วจะสังเกตได้อย่างไรว่าล้างถูกวิธี ลองดูนะคะว่าตอนที่เราล้างจมูกอยู่ถ้าใส่น้ำเกลือในจมูกข้างหนึ่งแล้วน้ำเกลือไหลออกมาจากจมูกด้านตรงกันข้ามกันถือว่าล้างได้อย่างถูกต้องค่ะ ข้อสำคัญคือ ระหว่างที่ดันน้ำเกลือเข้าไปในโพรงจมูกจะต้องกลั้นหายใจไว้เสมอนะคะ มิฉะนั้นอาจหายใจเอาน้ำเกลือลงไปยังกล่องเสียงและหลอดลมทำให้เกิดการสำลักได้

                 5. หลังจากล้างจมูกเสร็จ ให้สั่งน้ำมูกหรือน้ำเกลือที่คั่งค้างอยู่ในโพรงจมูกออก และบ้วนน้ำเกลือหรือน้ำมูกส่วนที่ไหลลงคอรวมทั้งเสมหะในคอออกมาให้หมด โดยเราสามารถล้างจมูกได้บ่อยตามต้องการ อย่างน้อยวันละหนึ่งถึงสองครั้ง หรือล้างก่อนพ่นจมูก

                 6. ควรล้างจมูกในขณะท้องว่าง คือก่อนหรือหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการอาเจียนหรือสำลักค่ะ

                 7. หลังล้างจมูกเสร็จทุกครั้ง ควรล้างอุปกรณ์ที่ใช้ล้างจมูกให้สะอาดด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาล้างจาน แล้วล้างด้วยน้ำประปาจนสะอาด (ในกรณีที่ใช้ลูกยางแดงควรนำมาต้มกับน้ำเดือดประมาณ 5 นาที) จากนั้นก็นำมาผึ่งให้แห้งค่ะ

                 ส่วนสุดท้ายในเรื่องการล้างจมูก หมอมีของฝากเป็นตารางเปรียบเทียบสำหรับในเด็ก และเด็กโตหรือผู้ใหญ่มาให้ดูกันนะคะเพื่อจะได้เห็นภาพว่ามีข้อแตกต่างกันอย่างไรในแต่ละขั้นตอน

ขั้นตอนการล้างจมูก

กรณีเด็กเล็ก

กรณีเด็กโตหรือผู้ใหญ่

1

ให้เด็กนอนในท่าศีรษะสูง จับหน้าให้นิ่ง

ค่อยๆ หยอดน้ำเกลือ ครั้งละ 2-3 หยด

ยืนใกล้อ่างน้ำสูดลูกยางเข้าในรูจมูกหรือใช้กระบอกฉีดยาพ่นน้ำเกลือเข้าไปในรูจมูก

2

ใช้ลูกยางแดงดูดน้ำมูกในจมูก โดยบีบลูกยางแดงจนสุดเพื่อไล่ลมออก แล้วค่อยสอดเข้าไปในรูจมูกลึกประมาณ 1-1.5 ซม.

 

ขณะที่กลั้นหายใจ น้ำเกลือจะถูกพ่นเข้าไปสู่โพรงจมูกและไหลออกมาข้างเดียวกัน หรือออกมาจากรูจมูกอีกข้างหนึ่งหรืออาจจะไหลลงคอ บางครั้งอาจมีหนองไหลออกมาด้วย

3

ค่อยๆ ปล่อยมือที่บีบออกช้าๆ เพื่อดูดน้ำมูกเข้ามาในลูกยางแดง

ทำทั้ง 2 ข้างหลายๆ ครั้งแล้วสั่งน้ำมูกให้หมด

4

บีบน้ำมูกในลูกยางแดงทิ้งในกระดาษทิชชู

ใช้ยาพ่นจมูกตามที่แพทย์แนะนำ

5

ทำซ้ำหลายครั้งในรูจมูกแต่ละข้างจนไม่มีน้ำมูก  

 

 

            เป็นอย่างไรกันบ้าง การล้างจมูกไม่ได้ยากอย่างที่คิดใช่ไหมคะ แถมประโยชน์ก็มากมายแค่ล้างจมูกก็มีผลทำให้อาการของโรคภูมิแพ้และโรคหืดดีขึ้นทันตาเห็น คนไข้ของหมอหลายคนเคยบอกว่า ไม่น่าเชื่อเลยว่าการล้างจมูกจะทำให้รู้สึกดีอย่างนี้ และกลายเป็นว่าติดการล้างจมูกไปเลย ใครที่ยังลังเลอยู่ตัดสินใจใหม่ได้นะคะ ยังไม่สายที่จะเริ่มล้างจมูกกันตั้งแต่วันนี้ เพราะการล้างจมูก…ง่ายนิดเดียวค่ะ